ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มังคุดทำลายเซลล์มะเร็ง




ใครที่ชอบทานมังคุด ทราบหรือไม่ว่า มังคุดก็สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...
นัก วิทยศาสตร์ ได้ศึกษาสารสกัดจากเปลือกมังคุดพบฤทธิ์จู่โจมเฉพาะเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้เซลล์ดีที่อยู่รายรอบผลการทดลอง สารสกัดจากเปลือกมังคุดสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แม้จะใช้เพียงเล็กน้อยเพียง 4 มิลลิกรัมก็ตามสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่นำมาใช้ในการศึกษานี้ ได้รับการสนับสนุนจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยการทดสอบพบว่า สารสกัดในปริมาณ 4 มิลลิกรัม ดังกล่าว สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้กว่า 50% ของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และจากการขยายผลนำสารสกัดไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งอื่น ก็พบว่าสามารถออกฤทธิ์ดีในการทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองหันมาทานมังคุดกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี

"วิธีคลายเครียดจร้า"

>> มาคลายเครียดกันเถอะค่ะ เพื่อสขุภาพและจิตใจที่สดชื่น แจ่มใส

10 วิธี กับการคลายความเครียด

1. ฟังเพลง หามุมสงบ
นั่ง ปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ

2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
ขอ แนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่า คิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ

4. เขียนไดอารี่
การ เขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจ ต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ

5. พลังแห่งการสัมผัส
ลอง มองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6. สร้างอารมณ์ขัน
พยายาม มองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีก ครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง

7. สูดกลิ่นหอม
รู้ หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัส ให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ

8. ไปตากอากาศ
หา เวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น

9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลอง หาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ

10. จินตนาการแสนสุข
อีก ทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การมาสก์หน้า

การมาสก์หน้า สามารถช่วยให้ใบหน้าเราดูดีขึ้นได้ค่ะ

สูตรน้ำผึ้ง 

          ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียวนวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด


สูตรแอปเปิ้ล

          ปอกแอปเปิ้ลคว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้าง ตามด้วยน้ำสะอาดอีกที


สูตรแตงโม

          ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


 สูตรไข่ขาว 

          ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่มจุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือพอไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


 สูตรมะเขือเทศ 

          ฝานมะเขือเทศชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด


สูตรโยเกิร์ต 

          สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวคั้นสดๆ 1 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากันแล้วพอกทั้งหน้า ทิ้งไว้ 15–20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและบำรุงผิว ให้ชุ่มชื้น
  





อาหารเพื่อสุขภาพ ดีสำหรับทุก ๆๆ คนเลยค่ะ

การกินเพื่อสุขภาพ




   ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก


1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและ กระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
   ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!
 

ดูแลรักษาใบหน้าคร๊าา

ผู้หญิงอย่างเราก็อยากมีใบหน้าที่สวย ใส ตลอดเวลาใช่มั๊ยล่ะค่ะ งั้นเราจะต้องหันมาดูแลใบหน้าเรากันแร้วล่ะค่ะ

สูตรหน้าขาวใส ทำให้หน้าขาวใสไร้สิว
วิธีทำให้หน้าใส รับประกันเลย100%แต่ต้องทำทุกวันนะ
คือว่าเรามีวิธีทำให้หน้าใสอ่ะ อันนี้ได้มาจากอาจารย์ คืออาจารย์เราอายุมากแล้วแหละ แต่ว่าหน้าใสมากๆเลย เลย จะมาเล่าสู่กันฟัง แล้วลงทุนน้อยด้วยราคา 12 บาทเอง

วิธีทำ
1.ใช้โยเกิร์ต รสธรรมชาติ (เท่านั้น) รศอื่นห้ามนะ
2.ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง
3.จากนั้นก็ใช้ "โยเกิร์ต"พอกที่หน้า (บางๆ)
4.แล้วทิ้งไว้ให้แห้งติดกับหน้าเลย
5.จากนั้นก็ใช้นิ้วขัดโยเกิร์ตที่หน้า ขัดจนรู้สึกว่าเจ็บหน้าแล้วอ่ะ ก็พอได้
6.จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำเปล่า แล้วเช็ดให้แห้ง
7.จากนั้นคุณจะรู้สึกว่าหน้าดีขึ้น จากนั้นก็ใช้ครีมรสน้ำนม(เท่านั้น) ทาที่หน้าเราแล้วห้ามทาแป้งนะ ทิ้งไว้แบบนั้นแหละ ก็ มีแค่นี้แหละนะ ลองทำดู ลงทุนน้อยได้ผลมากนะ เพราะเราทำแล้ว รู้สึกหน้าใสขึ้นเยอะเลยแหละ ต้องไปขอบคุณอาจารย์ซะแล้ว รับรองเลย แต่ว่าต้องทำทุกวันนะ ต้องนอนอ่ะ จะได้ผลที่สุด ไปล่ะนะ ถ้ามีอะไรดีดีจะมาเล่าต่อ บายจ้า ^__^

ที่มา http://dek-d.com/board /view.php?id=716478

ใส หน้าใส ผิวสวย สวยใส ไร้สิว - 4 สูตรหน้าใส ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า ล้าง หน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส นำ แอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน เตรียม โยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ ผสม โยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัดๆ ถูๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี

ที่มา ladytip.com

สูตรหน้าขาว-ใส มาแล้วจ้า
สูตรที่1. ส่วนผสม 1.น้ำผึ้งประมาณ 6 ช้อนชา 2.มะขามเปียก(ไม่ต้องเอากากนะ) 3.นมจืด 6 ช้อนชา
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งสามมารวมกัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 น. ทำอาทิตย์ละ 2-3ครั้ง

สูตรที่2. ส่วนผสม 1.ไข่ไก่2-3ใบ(เอาแต่ไข่แดงนะ) 2.มะนาว2ช้อนชา
วิธีทำ นำไข่แดงมาผสมกับน้ำมะนาวตีให้เข้ากันทาทิ้งไว้5-10น. ทาครีมบำรุงเพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื่นด้วยจ้า ทำอาทิตย์ละ2ครั้ง

สูตรที่3. ส่วนผสม 1.หัวไซเท้า
วิธีทำ ปอกเปลือกหัวไซเท้าแล้วล้างออก ฝานบางเฉียบแล้ววางลงบนใบหน้าทิ้งไว้ 15น.ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำอาทิตย์ละ 2ครั้ง

สูตรที่4. ส่วนผสม 1.แอปเปิ้ลแดง(ไม่ปอกเปลือก) 2.นมสด
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้ง2อย่างมารวมกันดูปริมาณที่สมดุลกันแล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ 2. น.แล้วล้างออก ทำอาทิตย์ละ2-3ครั้ง

สูตรที่5. ส่วนผสม 1.มะเชือเทศ 2.แตงกวา
วิธีทำ นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียดแล้วมาทาบนใบหน้า เอาแตงกวามาแปะตาไว้จะได้ไม่เป็นหมีแพนด้า







เรารักสุขภาพ (>_<)

สุขภาพของเรานั้นจำเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องดูแลเป็นอย่างดี ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อให้เราดูเป็นบุคคลที่มีสุขภาพดี
  1. ผมจะต้องสระ อย่างน้อย วันเว้นวันค่ะ ถ้าเราสระผมทุกวันจะทำให้หนังศรีษะแห้ง แล้วเกิดอาการคัน หรือที่เรียกกันว่า รังแคนั้นล่ะค่ะ
  2. ใบหน้าควรใช้ครีมบำรุง หรือโฟมล้างหน้า ที่เหมาะสมกับใบหน้าของเรา ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ว่าใบหน้าเรานั้นเป็นอย่างไร หน้ามันมัํ๊ย เป็นสิวหรือเปล่า แพ้ง่ายมั๊ย แห้งหรือเปล่า ประมาณนั้น เราจะได้เลือกครีม หรือโฟม ล้างหน้าได้ถูกต้องยังไงล่ะค่ะ
  3. การออกกำลังกาย เราจะต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 2 - 3 ต่อสัปดาห์ หรือวันละ 20 - 30 นาที ค่ะ ถ้าเราขาดการดูแลการออกกำลังกายก็จะทำให้ร่างกายของเราไม่แข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่าย ๆๆ เลยค่ะ ถ้าไม่มีเวลาว่างจริง ๆ ก็หาเวลาว่าง หรือช่วงพักงานก็ได้ค่ะ ลุกขึ้นมาขยับแขน ขยับขา สักเล็กน้อยก็ยังดีค่ะ จะได้ช่วยคลายเครียดจากการงานได้ด้วยน่ะค่ะ